สมเด็จเจ้าฟ้านักการศึกษา
ปัญญาเป็นทรัพย์ล้ำ
เป็นสิ่งอันประเสริฐ
อาจก่อเกียรติช่วยเชิด
รู้จักนำต้นพ้น
ยิ่งล้น
ชูชื่อ
จากห้องทุกข์กรรม
พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พุทธศาสนสุภาษิตคำโคลง ๑๑ ธันวาคม ๒๕๑๙
สมเด็จเจ้าฟ้านักการศึกษา
จากพระราชนิพนธ์ที่อันเชิญมากล่าวอ้างนี้ จะเห็นได้ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตระหนักถึงความจำเป็นที่มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาย่อมจะต้องแสวงหาความรู้หรือการศึกษาทุกรูปแบบ เพื่อให้ได้มาซึ่ง “ปัญญา” ที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาที่เป็นต้นเหตุแห่ง “ทุกข์” ได้ เพราะพระองค์ท่านเปรียบปัญญาดุจแสงสว่าง และทรงขยายความไว้ว่า “…ตามหลัก วิทยาศาสตร์ คนและสัตว์จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ จะต้องมีแสงสว่าง เช่น ถ้าเรานำเอาขวดใบหนึ่ง ไปตั้งไว้ในห้องที่มิดชิด แสงสว่างลอดเข้าไม่ได้ แม้เราจะรู้ว่ามีขวดอยู่ในห้องนั่นก็จริง แต่เราก็ไม่สามารถมอง เห็นขวดนั้นได้ เนื่องด้วยแสงสว่างจากนอกห้องไม่สามารถลอดเข้ามาในห้องได้แต่ปัญญานั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเวลาใด ย่อมสามารถส่องนำทางให้แก่มนุษย์ได้ แสงธรรมดาจากดวงอาทิตย์ ดวงไฟ หรือแหล่งกำเนิด อื่น ๆ ก็ตาม ไม่อาจทำให้บุคคลที่สายตาพิการมองเห็นได้แต่แสงแห่งปัญญานั่นอาจทำให้ทุกคนมองเห็นได้…” หมายความว่า ปัญญาทำให้คนเราเห็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตได้
ญญาจะเกิดขึ้นได้อย่างไรและโดยวิธีใด การแสวงหา “ความรู้” หรือ “การศึกษา” คงเป็นคำตอบที่ทุกคนคงกล่าวได้ตรงกัน แต่การศึกษาโดยทั่วไป มิได้มีความหมายถึงเฉพาะการไปโรงเรียน ฟังคำสั่งสอนของครูอ่านหนังสือ หรือทำการบ้านเท่านั้น แต่ “การศึกษา” ในที่นี้หมายถึง การที่จะได้มาซึ่งความรู้ทุกรูปแบบ ทั้งการศึกษาในและนอกระบบโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัยด้วย ซึ่งรวมเรียกว่า การศึกษาตลอดชีวิต และควรต้องแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องจนมีบางคนกล่าวว่า “ชีวิต คือ การศึกษา และการศึกษาก็คือชีวิต” ทั้งนี้ เนื่องจากวิชาการต่างๆ ในสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าตลอดเวลา หากผู้ใดไม่แสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องจะกลายเป็นผู้ด้อยการศึกษา ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทานเนื่องในโอกาสวันไหว้ครู ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๖ ว่า “…วิชาการต่าง ๆ ในสังคมทุกวันนี้ มิได้อยู่นิ่งกับที่ แต่เปลี่ยนแปลงก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลาคนที่เรียน จบสูง ๆ ถ้าอยากจะอยู่อย่างก้าวหน้า ควรทำการค้นคว้าศึกษาเล่าเรียนต่อไป แม้จะมิใช่ การศึกษาเล่าเรียนในระบบ เช่น อาจเข้ารับการอบรมสัมมนา ฟังการอภิปราย หรือชมนิทรรศการว่ามีอะไรใหม่ ๆ การฟังข่าวสารจากวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสารต่าง ๆ ก็จำเป็น ทำให้เรารู้ว่าวิทยาการ ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัว เรามันไม่อยู่กับที่ เช่น เทคโนโลยีสมัยใหม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
จากแนวพระราชดำริและพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เกี่ยวกับการศึกษา จะเห็นว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาทุกรูปแบบ และสนพระทัยที่จะส่งเสริมและพัฒนาให้พสกนิกร ทุกหมู่เหล่านับ จากเด็กเล็กไปถึงผู้ใหญ่ และจากผู้ไม่รู้หนังสือไปจนถึงผู้ที่เรียนจบปริญญาสูง ๆ ให้พยายามสนใจที่จะแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดไปแม้พระองค์เองซึ่งมีพระปรีชาญานในทุกด้าน นับแต่ทรงสำเร็จการศึกษาอักษรศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และทรงได้รับ รางวัลเหรียญทอง เรียนเยี่ยมตลอดหลักสูตร และทรงสำเร็จอักษรศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออกจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และการศึกษาดุษฎีบัณฑิตสาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปัจจุบันทรงดำรงพระยศเป็น พลโทหญิงตำแหน่ง ศาสตราจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และทรงเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อีกด้วย แต่ก็ทรงมิได้นิ่งเฉยต่อการที่จะแสวงหาความรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง สมกับที่ปวงชนชาวไทยได้ขนานนามพระองค์ท่านว่า “เจ้าฟ้านักการศึกษา”
- ตัดทอนจาก บทความเรื่อง “สมเด็จเจ้าฟ้าแห่งการศึกษาตลอดชีวิต” โดย นายกล้า สมตระกูล อดีตรองอธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ. เข้าถึงจาก http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/liciti/si.html