พระผู้เป็นภาพลักษณ์ของนักการศึกษาตลอดชีวิต
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีภาพลักษณ์ของนักการศึกษาตลอดชีวิตอย่างชัดเจนที่สุดกล่าวคือ พยายามแสวงหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ทุกรูปแบบ ทั้งการประชุมสัมมนา ทัศนศึกษาทั้งในประเทศหรือต่างประเทศใช้อุปกรณ์ การเรียนทุกประเภทนับตั้งแต่การใช้อุปกรณ์ การสื่อสาร ดาวเทียม คอมพิวเตอร์ วิทยุ โทรทัศน์ ตลอดจนการแสวงหาความรู้ด้วยพระองค์เอง ด้านเนื้อหาทรงสนพระทัยที่จะเรียนรู้ทุกเรื่อง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับพระองค์เอง และเรื่องที่จะนำไปใช้เพื่อการแก้ปัญหาชีวิตของพสกนิกร ส่วนด้านสถานที่เรียนทรงเล็งเห็นว่า ทุก ๆ สถานที่มีความรู้ที่จะให้พระองค์ศึกษาไม่ว่าในป่าเขา ทุ่งนาโรงงาน หรือ ท้องทะเล เป็นต้น ทรงแลกเปลี่ยนความรู้กับบุคคลทุกระดับ นับตั้งแต่เกษตรกร กรรมกรผู้ใช้แรงงาน ครูอาจารย์ นักวิทยาศาสตร์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศดังจะเห็นได้จากการเสด็จพระราชดำเนินไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อการศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ หัวใจสำคัญของการเป็นนักการศึกษาตลอดชีวิต มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่การฝึกตนให้เป็นคนตื่นตัวต่อการศึกษา นั่นหมายถึง ความอยากรู้ อยากเห็นในเรื่องในสิ่งต่าง ๆ ตลอดเวลาดังพระดำรัสที่ทรงพระราชทานไว้ว่า
“…เราควรคิดว่า เราเป็นได้ทั้งนักเรียนที่ดีตลอดเวลา และมีคุณสมบัติของครูที่ดีตลอดเวลาเช่นกัน ผู้ที่สนใจความรู้ต่าง ๆ ไม่ควรประมาทผู้อื่น ไม่ว่าผู้ใดเราควรถือว่า คนทุกคนสิ่งทุกสิ่ง เป็นครูให้ความรู้แก่เราได้หมด ถ้าเราประมาทคนหรือสิ่งนั้นโดยไม่เปิดตา เปิดใจให้กว้างในการรับรู้ ขาดศรัทธาในครูผู้ให้ความรู้ เราอาจไม่ได้รับความรู้ที่ดี… แหล่งที่จะหาความรู้มิใช่เพียงแค่บุคคลอาจเป็นแหล่งอื่น ๆ รอบตัว…”
จากพระราชดำรัสที่กล่าวนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนับเป็นพระผู้เป็นแบบฉบับของนักการศึกษาตลอดชีวิตที่ดี พยายามแสวงหาความรู้ความเข้าใจสู่พระองค์เองตลอดเวลา โดยมิได้ทรงถือว่า สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิตหรือเป็นผู้ที่มีสมบัติปัญญาเฉลียวฉลาด ได้รางวัลเหรียญทองในการเรียนแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้จากชาวนาชาวไร่ หรือบุคคลอื่นใดอีก ภาพที่พสกนิกรชาวไทยมักจะได้พบเห็นเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไป ณ ที่เป็นพระจริยาวัตรของการทรงสมุดบันทึกเหตุการณ์ ข้อมูล ความรู้ที่พระองค์ได้รับจากบุคคลทุกระดับ และสิ่งแวดล้อมรอบพระองค์ ที่จะทรงนำวิเคราะห์วินิจฉัย เพื่อเป็นองค์ความรู้รวบยอดของพระองค์เองหรือทรงถ่ายทอดให้ผู้อื่นต่อไป นับเป็นพระจริยาวัตรที่ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือนในความเป็นผู้ใฝ่หาความรู้อย่างแท้จริง นอกจากความตื่นตัวต่อการศึกษาแล้ว พระองค์ทรงสนับสนุนอยากฝึกให้เด็กไทยมีความเป็นผู้ช่างสังเกต และได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และวินิจฉัย และนำมาปฏิบัติได้ดังที่ทรงเล่าไว้ว่า
“…เมื่อวันที่ไปอินโดนีเซีย มีเด็กอนุบาลจากโรงเรียนจิตรลดาไปส่งที่พระตำหนักจิตรลดา เด็ก ๆ เหล่านั้นช่างซักช่างถามและมีความกล้าหาญ เดินตรงไปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถามโน่นถามนี่หลายอย่างเกี่ยวกับวิทยุที่ทรงถือ เมื่อทรงอธิบายก็ฟังด้วยความสนใจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพอพระทัยตรัสชมว่า ช่างสังเกตดี มีความสนใจสิ่งต่าง ๆ มากและกราบบังคมทูลว่าได้ให้นโยบาย การสอนไว้ โดยเน้นการสังเกตและฝึกให้แสดงออก ฝึกให้พูดหัดสังเกตธรรมชาติ”
“…ประเทศอินโดนีเซีย ในด้านศิลปวัฒนธรรมนั้นเขาทำได้ดีมากสามารถถ่ายทอดช่างศิลปะให้ลูกหลาน หมู่บ้านที่มีอาชีพเป็นช่างศิลปะแขนงใด คนรุ่นหลังที่ยังมีอายุน้อย ๆ ก็สามารถทำงานในช่างแขนงนั้น ๆ ได้ เช่น หมู่บ้านเขียนภาพ เด็ก ๆ ก็จะเขียนภาพได้ หมู่บ้านช่างแกะสลัก คนในหมู่บ้านก็จะแกะสลักได้สวยงามแม้คนหนุ่ม ๆ อายุน้อย ๆ … ส่วนทางออสเตรเลีย ได้ดูโรงเรียนสอนทางอากาศในเขต ที่เรียกว่า Northern Territory อันนี้เราคงทำตามอย่างเขาไม่ได้ หลักของการศึกษาให้ถึง ทุก ๆ คน การศึกษาภาคบังคับเขาให้ทุกคนมีโอกาสทางการประถมศึกษาเท่าเทียมกัน เขาเน้นให้คนอ่านออกเขียนได้ ในที่กันดานเป็นทะเลทรายบ้านเรือนอยู่ห่างกันมาก จากหลังหนึ่งไปอีกหลังหนึ่งต้องขับรถถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง จึงตั้งโรงเรียนไม่ได้ต้องเรียนจากจดหมาย ในปัจจุบันมีอุปกรณ์การสอนใหม่ ๆ กล่าวคือ รัฐบาลแจกเครื่องเล่นวีดีโอเทปทุกครอบครัว นอกจากนั้น มีสถานีวิทยุคล้ายวิทยุศึกษา มีครู 12 คน สอนความรู้ต่าง ๆ เด็กจะพูดกับเพื่อนกับครูได้ด้วย และกระทรวงศึกษาธิการจะส่งครูไปเยี่ยมบ้านปีละครั้ง…”
นับเป็นความละเอียดรอบคอบในการเก็บรวบรวมข้อมูลของพระองค์ที่มิเพียงแต่เรียนรู้จากคำบอกเล่าเท่านั้น แต่พระองค์ทรงใช้การสังเกตและซักถามข้อมูลอย่างลึกซึ้งทำให้เกิดการเรียนรู้ที่สมบูรณ์มากขึ้น ความกล้าที่จะปฏิบัติหรือกล้าแสดงออก เป็นอีกภาพลักษณ์หนึ่งที่นักศึกษาตลอดชีวิตควรจะมี
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงปฏิบัติตัวอย่างได้เสมอเช่น ขณะเสด็จพระราชดำเนินทั้งในประเทศและต่างประเทศ มักมีผู้กราบบังคมเชิญให้ทรงร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่พระองค์ มิได้ทราบล่วงหน้า การทรงระบำหรือเครื่องดนตรีพื้นเมือง การวาดภาพ การปั้น แกะสลัก การเสวยอาหารที่แปลกใหม่ เป็นต้น แต่พระองค์ก็ทรงกล้าที่จะเรียนรู้ได้อย่างไม่กังขาและเคอะเขิน และเก็บเป็นข้อมูลในการถ่ายทอดต่อไป
- ตัดทอนจาก บทความเรื่อง “สมเด็จเจ้าฟ้าแห่งการศึกษาตลอดชีวิต” โดย นายกล้า สมตระกูล อดีตรองอธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ. เข้าถึงจาก http://dnfe5.nfe.go.th/ilp/liciti/si.html