Skip to main content

การพัฒนาจิตอาสาในหมู่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ

26 - 29 กันยายน 2557
ผู้เข้าชม 18,061

โดย นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ


สภาวะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ประเทศไทยอยู่ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมีพลวัตรที่เกี่ยวเนื่องสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด จึงมีความจำเป็นที่ประเทศต้องปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลง ดังกล่าว การต่างประเทศจึงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวประชาชนมากขึ้นอีกทั้งเกี่ยวพันกับมิติต่าง ๆ อาทิ สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม อย่างเป็นเหรียญเดียวกัน

ประเทศไทยตระหนักดีว่า ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน มิตรประเทศต่าง ๆ และองค์การระหว่างประเทศล้วนมีความสำคัญและมีบทบาทมากขึ้นในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ดังนั้นเราจึงต้องส่งเสริมบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ รักษาสถานะความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ ส่งเสริมผลประโยชน์ของไทย และให้ความสำคัญกับนโยบาย การต่างประเทศที่ส่วนหนึ่งเน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘

การดำเนินนโยบายต่างประเทศเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงการต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ตระหนักว่า การปฎิบัติงานให้ ประสบผลสำเร็จ มิได้อาศัยวิชาการและประสบการณ์ การทำงานเท่านั้น แต่ยังอาศัยคุณธรรมและจริยธรรมควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้สังคมการทำงานเป็นสังคมที่น่าอยู่ มีความเอื้ออาทร ถ้อยทีถ้อยอาศัยและมีน้ำใจช่วยเหลือกัน เข้าทำนองที่ว่า“คนเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเป็นคนดีด้วย” สอดคล้องกับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร

CSR หรือ Corporate Social Responsibility เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการทูตสาธารณะ (public diplomacy) ที่กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือ การเสริมสร้างเยาวชนไทยให้มีคุณภาพทั้งในด้านความรู้และคุณธรรม เพื่อมีบทบาทในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต อันเป็นที่มาของการที่ กระทรวงการต่างประเทศได้ริเริ่ม “โครงการยุวทูตความดี เฉลิมพระเกียรติฯ” เพื่อช่วยกันพัฒนาเยาวชนระดับประถมศึกษา ให้มีความรู้คู่คุณธรรม เป็นคนดี มีคุณภาพ รอบรู้ รอบด้าน


การมีส่วนร่วมของข้าราชการกต.

ในชั้นแรก ข้าราชการกรมสารนิเทศเป็นหลัก ในการดำเนินโครงการและกิจกรรม จนเมื่อมีการโยกย้ายไปประจำการในต่างประเทศเป็นระยะ ๆ และปริมาณงานประจำเริ่มมากขึ้น มีผลให้โครงการและกิจกรรมที่เคยทำต้องห่างหายไปช่วงหนึ่ง

ในปี 2550 กระทรวงฯ จึงก่อตั้งมูลนิธิยุวทูตความดี และเปิดดำเนินการ ด้วยบุคลากรของมูลนิธิ ในปลายปี 2552 เป็นที่น่ายินดี ที่โครงการ/กิจกรรม ที่มากมายหลากหลายของมูลนิธิในยามนี้ มีอาสาสมัครซึ่งเป็นข้าราชการ มาร่วมแรงร่วมใจ สนับสนุนส่งเสริม โดยคำนึง ผลประโยชน์สูงสุดของเยาวชนเป็นสำคัญ

การที่โครงการยุวทูตความดีมีโครงการและกิจกรรมมากมาย นับเป็นการเปิดโอกาสให้ข้าราชการได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น เรียนรู้ที่จะทำงานจิตอาสา เห็นประโยชน์ของการแบ่งปัน เข้าใจและเห็นความสำคัญของการถ่ายทอดความรู้ ที่สำคัญตระหนักถึงความจำเป็นของการคงไว้ซึ่งคุณธรรม ความดี เป็นสมบัติล้ำค่าที่เป็นมรดกอันสืบทอดได้ถึงรุ่นลูกหลาน ติดอยู่กับตัว ไม่มีวันหมดไป สามารถสืบทอดต่อได้จากการสั่งสอนจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับคำขวัญที่ว่า “เป็นข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน ต้องเป็นคนดี คนเก่ง” อย่างแท้จริง

การจัดงานครบรอบ 15 ปี ของโครงการยุวทูตความดี จึงสะท้อนให้เห็นถึง ความร่วมมือร่วมใจของข้าราชการกระทรวงฯ ที่ได้ช่วยกันอาสาดูแลน้อง ๆ จากโรงเรียนยุวทูตความดี ราวกับเป็นครูด้วยตนเอง ช่วยสอนวิชาต่าง ๆ เหมือนย้อนเวลาไปเป็นเด็ก ๆ กันอีกครั้ง การได้ทำงานจิตอาสาทำให้เราได้ถามตัวเองว่า การเป็นคนดีหมายถึงอะไร เวลาที่เราสอนใครสักคนให้เป็น คนดี นั่นหมายความว่า เราต้องทำดีเป็นตัวอย่างด้วย เพื่อให้ไม่มีเสียงสะท้อนกังขาถึงคำสอนของเรามาในภายหลัง การเป็นคนดีให้เป็นตัวอย่างจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีของชาติ เพราะความดีซื้อไม่ได้ แต่สะสมได้

ข้าราชการหลายคน มาบอกเล่าว่า รู้สึกยินดีที่ได้ทำงานจิตอาสา เด็ก ๆ เป็นแรงจูงใจให้รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในโครงการเช่นนี้อีกซึ่งก็เห็นว่ากิจกรรมยุวทูตความดี จะสามารถสร้างความรู้สึกที่ดี ๆ เช่นนี้และได้รับการตอบรับจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กำลังใจที่จะทำอย่างต่อเนื่อง ต่อไป

  • ขอเพิ่มเติมว่า ในงานครบรอบ 15 ปี ยุวทูตฯ ที่กระทรวงฯ พี่อาสาสมัครฯ ได้พายุวทูตฯ ไปเยี่ยมชม วัดพระแก้ว วังสวนจิตรฯ พิพิธภัณท์มิวเซียมสยาม และสวนสัตว์ดุสิต
  • ในการจัดค่ายอบรมฯ ตามจังหวัดต่างๆ พี่อาสาสมัครจะตามไปให้ความรู้เกี่ยวกับมิติต่างประเทศ ในทุกค่ายอบรมฯ ที่มูลนิธิฯ จัด
  • รวมทั้ง สร้างสรรค์กิจกรรมเตรียมความพร้อมกับการเป็นเยาวชนอาเซียน ให้กับโครงการรณรงค์การเสริมสร้างคุณธรรม ในกลุ่มจังหวัดภาคกลาง (กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี) ที่มีเยาวชนยุวทูตฯ มาร่วมกิจกรรมจำนวน 12,162 คน ทั้งการตั้งคำถามนับร้อยๆข้อให้แข่งขันตอบปัญหา เกี่ยวกับอาเซียน และ รอบรู้-รอบโลก และยังประสานสถานทูตฯใน ความดูแลจัดส่งของรางวัลมาแจกจ่ายให้ผู้มาร่วมสนุก ด้วย
  • ในการสัมมนาครั้งนี้ จะมีอาสาสมัคร มาประจำแผนกทะเบียน ประจำกลุ่ม workshop เป็นผู้ช่วยครูฝรั่ง เป็นผู้ช่วยที่ปรึกษากลุ่มโครงการฯ

โดยที่กิจกรรมที่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อเยาวชน มีที่ดำเนินการในต่างประเทศด้วย ซึ่งข้าราชการของเราที่ประจำสถานทูต จะเป็นกำลังสำคัญในการประสานจัดทำนัดหมายกับโรงเรียนและสถานที่สำคัญในประเทศนั้นๆ รวมทั้งดูแลใส่ใจในทุกรายละเอียด ซึ่งท่านผอ.และคุณครู ที่เคยร่วมคณะไปต่างประเทศ จะทราบดี รวมทั้งท่านเอกอัครราชทูตของประเทศที่ไปเยือน จะเลี้ยงดูเยาวชนยุวทูตฯที่ไปด้วยความรักเหมือนลูกหลานของท่านเอง ที่ขอกล่าวถึง คือท่านทูตไทยที่จาการ์ตา (ออท.ภาสกร ศิริยะพันธุ์) ท่านชื่นชมในความสามารถในยุวทูตฯ ท่านได้เปิดทำเนียบเชิญคณะเยาวทูตพร้อมคุณครู ครั้งละ 6 คน ไปพักที่ทำเนียบ 9 วัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว และรุ่นที่ 2 จะไปในเดือนธันวาคม ศกนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ข้าราชการที่ใส่ใจ พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมยุวทูตความดี มีในทุกระดับโดยสรุป  ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ก็จะมุ่งมั่นให้ความสนับสนุนโครงการและกิจกรรมของมูลนิธิยุวทูตต่อไป และขอร่วมเป็นกำลังใจให้ท่านผอ.และคุณครู ดำเนินโครงการให้ประสบผลสำเร็จด้วยดี



*การบรรยายพิเศษระหว่างวันที่ 26 – 29 กันยายน 2557 ในงานสัมมนาโครงการเยาวชนคนดี รู้คุณแผ่นดิน ปี 2557

ต่อยอดความรู้ สู่การปฏิบัติ

คำกล่าวเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการต้นกล้าความดี ตามวิถีพอเพียง

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0 4.0 เป็นคำที่สะท้อนของวิวัฒนาการ จากยุคที่เราเคยล่าสัตว์ ทำการเกษตร บัดนี้ก็มาถึงยุคที่เราจะต้องสร้างและขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรม

ผู้บริหารกับการบ่มเพาะเยาวชนให้เป็นต้นกล้าความดี ในวิถีพอเพียง

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0 4.0 เป็นคำที่สะท้อนของวิวัฒนาการ จากยุคที่เราเคยล่าสัตว์ ทำการเกษตร บัดนี้ก็มาถึงยุคที่เราจะต้องสร้างและขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรม

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0 4.0 เป็นคำที่สะท้อนของวิวัฒนาการ จากยุคที่เราเคยล่าสัตว์ ทำการเกษตร บัดนี้ก็มาถึงยุคที่เราจะต้องสร้างและขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรม

keyboard_arrow_up