Skip to main content

ผู้บริหารกับการพัฒนาโลกทัศน์

26 - 29 กันยายน 2557
ผู้เข้าชม 22,719

โดย  ดร. พลเดช  วรฉัตร 


โลกทัศน์ คือ ประสบการณ์ของนักการทูต เนื่องจากกว่าครึ่งชีวิตของนักการทูตต้องประจำการอยู่ที่ต่างประเทศ เมื่อเข้ารับราชการ ทำงาน 3 – 4 ปี ก็ต้องออกประจำการ 4 ปี กลับมาทำงานและก็ต้องกลับไปออกประจำการอีก เป็นวิถีชีวิตของนักการทูตจนกระทั่งเกษียณ เรียกได้ว่าค่อนชีวิตของการรับราชการ 30 ปีนั้น กว่า 17-18 ปี ต้องอยู่ต่างประเทศ อีกทั้งผมยังจบการศึกษาจากฝรั่งเศส ทำให้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ จึงรู้สึกตื่นเต้นกับประเทศไทย และพบว่าประเทศไทยนั้นเจริญมาก การศึกษาและโรงเรียนมีมาตรฐาน ผมเคยไปอยู่ฟิลิปปินส์ เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ อินเดีย ศรีลังกา และมัลดีฟส์ ทำให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศนั้น ๆ และนำมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย เนื่องจากไปอยู่ในฐานะผู้แทนประเทศ การเป็นนักการทูตทำให้ได้ไปอยู่ในสังคมระดับสูง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องลงมาหาประสบการณ์ ผู้บริหารนั้นจะต้องขึ้นสูงและลงต่ำได้ ขึ้นไปบนยอดต้นไม้ได้แต่ก็ต้องลงมาติดดินได้เช่นเดียวกัน หรือพร้อมที่จะเล่นกับด้านล่างได้ เพราะนั่นคือชีวิต และประสบการณ์ที่ผมได้รับก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงได้เขียนหนังสือเรื่องอินเดียออกวางขายกับสำนักพิมพ์ซีเอ็ด กำลังจะเขียนหนังสือเรื่องศรีลังกา และก็ได้เขียนบทความต่าง ๆ ลงในหนังสือพิมพ์เป็นประจำ

ทุกท่านเป็นผู้บริหาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งต่ออนาคตของชาติ ทุกท่านคงจะเป็นลูกเสือ ผมก็เช่นเดียวกัน ผมเป็นลูกเสือและได้ไปอบรม ATC รุ่น 709 กับสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ดังนั้น ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว ความเป็นลูกเสือเป็นสิ่งที่อัศจรรย์มาก ผมไปอบรมลูกเสือตอนอายุ 61 ทุกคนคงทราบดีถึงชีวิตลูกเสือ ที่เป็นทางออกของสังคม เป็นการหล่อหลอมชีวิตมนุษย์ที่ต้องอยู่ร่วมกัน เป็นเรื่องที่ผู้บริหารจะต้องผ่าน เนื่องจากลูกเสือเป็นเรื่องของการบริหาร บริหารแต่ละหมู่ ในหมู่ของผมนั้นมีลูกเสืออายุน้อยที่สุด 26 ปี ส่วนผมมีอายุมากที่สุดในรุ่น จึงได้รับเลือกให้เป็นประธานรุ่น ชีวิตลูกเสือคือธรรมะ ผมได้ค้นคว้าเรื่อง Lord Baden Powell ผู้ก่อตั้งลูกเสือโลก ท่านเป็นทหารม้าอยู่อินเดียถึง 9 ปี ซึ่งได้นำหลักของพุทธศาสนามาอยู่ในเรื่องของลูกเสือ ในยุคนั้น ปี ค. ศ.1908 มีศาตราจารย์ญี่ปุ่นอยู่ในสหรัฐฯ และได้เขียนหนังสือเรื่องบูชิโด จิตวิญญาณของญี่ปุ่น และท่าน Powell ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย ดังนั้น ลูกเสือนั้นมีทั้งหลักของพุทธศาสนา หลักซามูไร รวมอยู่ในนี้ ลูกเสือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากว่าสามารถหล่อหลอมคนให้เป็นคนดีของสังคมได้ แต่เราลืมลูกเสือไปหมด  ซึ่งผมทราบมาว่าเป็นวิชาบังคับเลือก หมายความว่าเด็กเลือกที่จะไม่เป็นลูกเสือก็ได้ ซึ่งน่าเสียดาย เนื่องจากลูกเสือเป็นวิธีการเจียระไนอัญมณีที่ดีที่สุดของสังคม ถ้าจิตวิญญาณของลูกเสือติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้ ท่านเป็นผู้บริหาร ท่านน่าจะทราบว่าสิ่งใดที่มีคุณค่าต่อสังคมและโรงเรียนของท่าน ลูกเสือเป็นการพัฒนาโลกทัศน์อย่างหนึ่ง

ผมอยากจะให้สนใจเรื่องลูกเสืออีกซักเล็กน้อย พัฒนาตรงนี้ และนำกลับมา ซึ่งผมดีใจมากที่หลักการของลูกเสือเป็นหนึ่งในหลัก 12 ประการของรัฐบาลไทยยุคปัจจุบัน

ผมมีประสบการณ์ทั้งเป็นนักเขียน นักวาดรูป วิทยากรสอนวิปัสสนา เขียนหนังสือ ปัจจุบันเป็นผู้บรรยายด้วย ประสบการณ์ของผมเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง อยากจะเชิญให้ทุกท่านรับรู้ และมันก็แฝงไปเรื่องธรรมะด้วย เนื่องจากผมเคยปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็ก แสวงหาอาจารย์ สุดท้ายก็มาจบที่การวิปัสสนา ซึ่งเมื่อวิปัสสนาจบก็ทำให้ได้คำตอบหลายเรื่อง ดังนั้น วันนี้สิ่งที่อยากจะพูดคือว่า การเปิดโลกทัศน์นั้นจะต้องคิดถูกต้องก่อน คิดถูกต้องก็คือว่าต้องรู้ว่าชีวิตนี้คือการเดินทางเท่านั้น ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เราไม่ค่อยคิดเรื่องการผ่านมา – ผ่านไป แต่เราจะคิดเพียงว่าอยากจะทำตอนนี้ให้ดีที่สุด แต่มันผ่านมา ผ่านไปจริง ๆ เมื่อชีวิตเป็นการเดินทาง ดังนั้น เราจะต้องมีแผนที่ แผนที่จะต้องถูกต้องด้วย ปัจจุบันมี GPS แต่ GPS ยังไม่ถูกต้องเลย เราสามารถทราบได้จากการปฏิบัติ แต่แผนที่ของเราจะต้องถูกต้อง จากนั้นก็ต้องแสวงหาข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด การจะเดินทางไปไหน เช่น การเดินทางไปวชิราวุธหลังจากไปอยู่ต่างประเทศมา 8 ปี ก็หลง เพราะว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง จากนั้นก็ต้องมีสัมมาทิฐิ คือ จิตที่ถูกต้อง มีศีล ก็สามารถที่จะรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ และเดินไปได้ และยังต้องมีความมุ่งมั่น ซึ่งจะต้องสร้างขึ้นมาเอง ผู้บริหารต้องสร้าง เพราะผู้บริหารเป็นผู้นำ ถ้าเด็กไม่มีสิ่งนี้ ผู้บริหารจะต้องสร้างขึ้นมา ย้อนกลับไปยุคโบราณ ฝูงสัตว์อยู่กันตามธรรมชาติแต่ก็ต้องมีผู้นำ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ผู้นำจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ท่านจะต้องสำรวจตัวท่านเองว่ามีสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ในเมื่อชีวิตคือการเดินทาง ท่านจะรู้เมื่อตอนท่านจากไปว่าชีวิตคือการเดินทาง ธรรมชาติของมนุษย์มีวงจรชีวิตอยู่ เราเริ่มจากปฏิสนธิจิต เมื่อสเปิร์มกับไข่มาร่วมกัน จุดของชีวิตเริ่มจากตรงนั้น และเติบโตมาเรื่อย ๆ จนถึงจุติจิต ซึ่งแปลว่าดับ การดับลงมาจากสรณะ ซึ่งนี่คือการเดินทาง มีข่าวการตายและการเกิดตลอดเวลา มีปฏิสนธิและจุติจิต ซึ่งสำคัญมากเนื่องจากหากเข้าใจตรงนี้ ท่านจะเข้าใจว่าฐานะท่านอยู่ตรงไหน เพราะแม้แต่ตำแหน่งบริหาร ก็มีมาและก็ไป ไม่ยั่งยืน วันที่มาเราอาจจะรู้ เพราะมีใบเกิด แต่วันที่ไปนั้นเราไม่รู้

เรื่องของวิธีการพัฒนาคน ประสบการณ์ที่อยู่ต่างประเทศของผมนั้น ทำให้ผมได้เห็นการพัฒนาคนซึ่งน่าทึ่งมาก ประเทศเบลเยียมซึ่งเป็นศูนย์กลางของยุโรป เป็นประเทศเล็กท่ามกลางประเทศใหญ่ ประเทศนี้สอนคนผ่านการอ่านหนังสือการ์ตูน อาทิ Tin Tin ซึ่งมีชื่อเสียงมาก มีคำขวัญว่าการอ่านการ์ตูนของคนเบลเยียมนั้นเริ่มตั้งแต่ 7 – 77 ปี ผมได้สังเกตแล้วว่าเค้าอ่านการ์ตูนกันทุกบ้าน และได้สอดแทรกความรู้เข้าไปในการ์ตูน การ์ตูนของบ้านเรานั้นถูกมองว่าเป็นเรื่องของเด็ก แต่ในเบลเยียมนั้นคนวาดจบปริญญาตรี โท เอก จบวิทยาศาสตร์ เป็นครูฟิสิกส์ เคมี และมาเป็นนักวาดการ์ตูน มีการให้เครื่องราชย์ฯ นักวาดการ์ตูนเบลเยียมทุกปี Tin Tin เป็นการ์ตูนที่เป็นเหมือนทูตมิตรภาพของเบลเยียมไปถึงทั่วโลก ซึ่งเราก็ได้อ่าน และก็มีการ์ตูนอีกมากมายที่สอดแทรกความรู้เข้าไป

ดังนั้น คนเบลเยียมเมื่ออ่านการ์ตูนก็จะได้เรียนรู้ซึ่งไม่ใช่จากตำราเรียนเท่านั้น ต่างจากบ้านเราที่มีตำราเรียนมากมายตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล เบลเยียมได้รับฉายาว่าเป็นเมืองหลวงของการ์ตูนโลกและสอนคนผ่านการ์ตูน มีการเรียนวิชาการเขียนการ์ตูน (Comic Script) ในระดับมหาวิทยาลัย เป็นศิลปะแขนงใหม่ ศิลปะแขนงที่ 9 แต่ประเทศไทยยังไม่มีเนื่องจากยังไม่เห็นความสำคัญ

สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศสำคัญ ประเทศที่ในหลวงทรงศึกษา ณ เมืองโลซานน์ สิ่งที่ท่านได้รับมาจนถึงปัจจุบัน อาทิ โครงการพระราชดำริ หรือ การคิดค้นด้านกีฬา ดนตรี ได้จากการศึกษาที่โลซานน์ผ่านการเล่น ซึ่งมีชื่อเสียงด้านโรงเรียนมาก ลูกของผมได้มีโอกาสไปเรียนโรงเรียนที่เจนีวา ซึ่งเค้าสอนเด็กผ่านการเล่นมิใช่การเรียน โดยเฉพาะเรื่องภาษาที่จะไม่ให้เด็กเรียนแต่ให้เด็กเล่น คือ หัดพูดภาษาเลย และไปนอกห้องเรียนให้มากที่สุด อาทิ อยากจะให้เด็กดูสวนเป็นก็พาเด็กไปสวน สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านมากที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์พฤติกรรมของมนุษย์ทุกอย่างทั้งตุ๊กตา เครื่องกลจักร วิทยาศาสตร์ อาหาร โภชนาการ ดนตรี กล้อง ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง และผมอยากให้เปรียบเทียบทุก ๆ อย่างที่พูดมากับเมืองไทย สวิตเซอร์แลนด์มีครอบครัว พ่อ แม่ ลูก เป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ ค่าธรรมเนียมก็ถูกมาก บางแห่งก็ฟรี วันเสาร์- อาทิตย์ เด็กเหล่านี้จะพากันไปพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ดีกว่าในห้องเรียนอีก เพราะฉะนั้นคนสวิสถึงเก่งและสามารถทำนาฬิกาซึ่งทำด้วยมือได้ไม่ใช้โดยเครื่องจักรและยังคงทำจนถึงทุกวันนี้อย่างมีความละเอียดและถูกต้องนั่นมาจากการที่เค้าเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านการเรียน เล่น และการศึกษานอกห้องเรียนอินเดีย เป็นประเทศที่กำลังจะเป็นหนึ่งในมหาอำนาจอย่างแน่นอน อินเดียสามารถมีจรวดไปดาวอังคารได้แล้ว ซึ่งทีมที่ทำเป็นชาวอินเดียทั้งหมด 


อินเดียมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก โดยพัฒนาคนผ่านการพัฒนาสมองและความคิด ครูที่อินเดียที่ได้รับรางวัลเป็นครูดีเด่นของประเทศนั้นสอนเด็ก โดยไม่สอนให้เด็กหาคำตอบ แต่กลับสอนให้เด็กตั้งคำถาม เด็กไทยนั้นถามไม่เป็นเนื่องจากไม่มีใครสอน แถมยังโดนห้ามอีก และไม่ใช่แค่ในโรงเรียน เท่านั้นแต่ในครอบครัวและสังคมด้วย คนอินเดียโดยทั่วไปคิดเลขไวมากโดยไม่ ต้องใช้เครื่องคิดเลข เพราะเค้าเหล่านี้ได้ผ่านการฝึกคิด ตั้งคำถาม พัฒนาสมอง สมองเราทุกคนต้องการรอยหยัก

ผมเคยไปงานวันชาติและได้คุยกับคนหลายระดับเนื่องจากเป็นนักเขียนและอยากได้ข้อมูลมารายงาน ผมขอฝากด้วยว่าการเป็นนักเขียนต้องพัฒนาตนเอง เดินตามรอยสมเด็จพระเทพฯ ที่ท่านเดินทางไปไหนจะจดตลอดจด Keyword และไปหารายละเอียดใน Google และต่อยอดไปเรื่อย ๆ คนอินเดียนั้นเก่งด้าน IT มาก ที่ Silicon Valley เป็นคนอินเดียเกือบ 100% แล้ว เรื่อง IT และคณิตศาสตร์ ชาวตะวันตกไม่ทำเองแล้ว ส่งไปให้อินเดียเนื่องจากถูกกว่า คนอินเดียนั้นเก่งเนื่องจากเรียนภาษาสันสกฤตซึ่งมีโครงสร้างภาษาที่เป็นอนุกรมจึงทำให้สมองมีรอยหยักเพิ่มขึ้น มีการประชุมเอกอัครราชทูตไทยทั่วโลกและต้องไปเข้าเฝ้าในหลวงซึ่งท่านได้ให้โอวาท

โดยมีปีหนึ่งที่ท่านได้ตรัสถึงภาษาสันสกฤตไว้เยอะมาก ซึ่งผมก็ได้รับคำตอบนี้จากอินเดีย ในโลกนี้มีเพียงสองภาษาที่ทำให้เกิดผลอย่างนี้ต่อสมอง ได้แก่ ภาษาสันสกฤตและภาษาเยอรมัน ประเทศเยอรมนีจึงสามารถผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุดได้ มีสถาบันวิจัยสมองที่อินเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เปรียบเรา เพราะว่าเราไม่มี การวิจัยพบว่าเด็ก 1 – 10 ขวบ สมองสามารถรับภาษาทั้งหมด ต่างจากเราที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้เด็กเรียน ทำให้ทรัพยากรคนของอินเดียที่กำลังจะมีประชากรแซงจีนนั้น สมองมีรอยหยักมากกว่าคนทั่วไป คนอินเดียถึงฉลาด จนเราเรียกว่าฉลาดแกมโกง สมองนั้นมีการพัฒนาได้ถ้าเรารู้จักการพัฒนาให้ถูกต้อง ทำไมเราท่องบทสวดมนต์ที่ยาวมาก ๆ และไม่ลืม นั่นเป็นเพราะเราจำจนเป็นรอยหยักแล้ว ทำไมบางอย่างเราจำได้แม่น เนื่องจากเรามีความสนใจและตั้งใจที่จะบันทึกเข้าไป เราจะจำได้ทุกอย่างหากเราตั้งใจทำ เด็กที่อินเดียเรียนภาษาสันสกฤตก่อนเรียนฮินดี ทำให้เด็กเหล่านี้ได้รับการปลูกฝัง

ศรีลังกาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการสอนคน โดยสอนผ่านธรรมะเนื่องจากเค้าเคร่งศาสนา เราก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดนิกายสยามวงศ์ขึ้นมา ฟื้นฟูศาสนาพุทธของศรีลังกาขึ้นมาเป็นพุทธเถรวาทที่มีความมั่นคงอย่างในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าเสด็จไป ศรีลังกา 3 ครั้งหลังจากตรัสรู้และบอกว่าพุทธศาสนาจะไปเติบโต ณ ที่ดังกล่าว ศรีลังกาสามารถสืบต่อพระพุทธศาสนาจากอินเดียได้ ศรีลังกาเคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ศรีลังกาต้องพยายามที่จะรักษาพุทธศาสนาไว้ มีโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ซึ่งเราก็ได้รับอิทธิพลมาจากเค้า แต่ว่าไม่ได้สนใจและพัฒนามากเท่าใดนัก แต่โรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นโครงสร้างของสังคมที่ทำให้ศรีลังกายังเข้มแข็ง ถ้าเรามีโรงเรียนแบบนี้ที่เป็นหลักสูตรเหมือนแบบศรีลังกาที่เป็นหลักสูตรของการศึกษา บังคับให้เด็กไปเรียนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่โรงเรียนใกล้บ้าน มีประกาศนียบัตรและคะแนน เป็นแรงจูงใจให้กับเยาวชน คล้ายกับที่เราสร้างบวรแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ศรีลังกาเชื่อมโยงบ้าน วัด โรงเรียน นอกจากสอนศาสนา ยังสอนภาษาอังกฤษ นี่เป็นสิ่งที่เราขาดไปเหมือนเราทิ้งกิจกรรมลูกเสือหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียน ผมคิดว่าจิตวิญญาณของลูกเสือควรจะต้องมีอยู่ กฏของลูกเสือคือธรรมะชั้นสูง พลเมืองดี ก็คือจิตใจของลูกเสือและเนตรนารี แต่มันหายไปเหมือนกับโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ผมเห็นว่าเราควรทำให้จริงจังและทำให้ดีที่สุด ชาวพุทธจะได้กลับมาเข้มแข็งเนื่องจากชาวพุทธสามารถช่วยเหลือตนเองและคนอื่นได้ ผมได้ไปสังเวชนียสถานจะรู้เลยว่าใครเป็นคนศรีลังกาเพราะต่อแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย สามารถสวดมนต์บทต่าง ๆ ได้ตั้งแต่เด็ก ผมเห็นว่าถ้าเรานำกลับมาใช้อีกครั้ง สังคมไทยก็อาจจะมีทางรอด แต่ผู้ใหญ่จะต้องเป็นตัวอย่าง

ญี่ปุ่น ความเป็นซามูไรหรือบูชิโดนั้นเป็นวัฒนธรรมประจำชาติซึ่งมีการเขียนกว่าร้อยปีแล้วครั้งแรกที่สหรัฐฯ มีคนอ่านอย่างแพร่หลาย และได้เป็นแรงบันดาลใจนำไปใช้ในสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งกิจการลูกเสือด้วย เช่น เสียชีพอย่าเสียสัตย์ที่ ร.6นำมาใช้กิจกรรมเสือป่าและลูกเสือไทย ลูกเสือจึงเป็นความภูมิใจเพราะเป็นประเทศเดียวที่กษัตริย์เป็นผู้ตั้งกองลูกเสือ ซึ่งเราจะต้องนำเสนอให้เราเกิดความภูมิใจขึ้นมาอีกครั้ง ญี่ปุ่น เด็กจะต้องเรียนโรงเรียนในหมู่บ้าน โดยเด็กที่บ้านอยู่ไกลที่สุดจะต้องถือธงและเดินผ่านบ้านคนอื่นไปเรื่อย ๆ เพื่อเดินต่อไปโรงเรียนด้วยกัน โรงเรียนญี่ปุ่นภารโรงน้อยมากเนื่องจากให้เด็กทำ ญี่ปุ่นจึงมีสำนึกของความมีส่วนร่วมตั้งแต่เด็กและความเป็นซามูไรก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งนั่นคือกฏของลูกเสือนั่นเอง ผมอยากให้ลองอ่านหนังสือ The Soul of Japan ของ Inazo Nitobe เนื่องจากไม่ว่าญี่ปุ่นจะพัฒนาไปแค่ไหนก็ตาม วินัยส่วนรวมของญี่ปุ่นยังคงมีอยู่ มีความเป็นสุภาพบุรุษและคำนึงถึงส่วนรวมก่อน เราทราบกันดีจากเหตุการณ์สึนามิ ทุกคนมีความอดกลั้น และมีความเป็นลูกเสือ ฝากท่านให้ดูตัวเองกันเยอะ ๆ เนื่องจากเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เป็นภาพเดียวกัน ตัวท่านก็คือสังคม ถ้าท่านไม่สามารถเคลียร์ตรงนี้ได้ ท่านก็ไม่สามารถให้สังคมได้

ย้อนกลับมาดูที่ประเทศไทย ผมฝากให้ท่านคิดว่าเราอยู่ลำดับไหน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ผมเห็นว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะปรับเปลี่ยนทัศนคติ เราเกือบจะเป็นลำดับสุดท้ายในอาเซียนแล้ว แต่ว่าเรายังสามารถปรับเปลี่ยนได้ซึ่งขึ้นอยู่กับท่านทุกคน ดังนั้น รูปแบบชีวิต มีทางเลือกหรือเป็นกรรม แต่ผมเห็นว่าชีวิตเรานั้นเราเลือกเกิดได้ และโลกเรามี 2 วรรณะเท่านั้น คือ รวยกับจน ดังนั้นที่ผมบอกว่ามีทางเลือกก็คือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ซึ่งเป็นธรรมะชั้นสูงที่พระองค์ท่านได้สกัดออกมาจากประสบการณ์ของพวกเราทั้งหมด อยากให้ท่านเอาไปพิจารณาดูว่าจะสามารถนำไปใช้อย่างไร เป็นวัคซีนแก้ทุนนิยมซึ่งทำให้เกิดปัญหาทั่วโลก เพราะว่าไม่ได้เดินอยู่ในสายพอเพียง แต่การนำหลักนี้มาใช้จะต้องเริ่มจากตนเอง แม้ว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่หลักนี้สามารถใช้ได้กับทุกท่าน เช่น การมีสมุดรายรับรายจ่าย แม้ว่าจะว่าเหมือนเด็กเล่น แต่มันคือการเตือนสติตัวเอง อย่าคิดว่าช้าเนื่องจากวัคซีนนี้ยังใช้ได้อยู่ตลอดเวลา แต่ขอให้ท่านเริ่มต้นกับตัวเองและครอบครัว ซึ่งต่างประเทศก็เห็นและนำไปใช้ อาทิ ภูฎาน สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น โดยสวิตเซอร์แลนด์ได้นำหลักไปใช้ระดับสูง ชาวนาสวิสนั้นมีเงินมีรถเบนซ์ขับ แต่ยังทำฟืน แยม เนย เลี้ยงไก่เอง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้นำ

ผมเห็นว่ากรรมเราเลือกเอง เนื่องจากเราสามารถเปลี่ยนแปลงปัจจุบันได้ เหมือนปฏิสนธิจิตรับไม้ผลัดจากจุติจิต ชีวิตมี 7 ทาง มนุษย์ เทวดา สัตว์เดรัจฉาน ฯลฯ ซึ่งมนุษย์อยู่ตรงกลางสามารถขึ้นลงได้ แต่เราไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ แต่การส่งไม้สุดท้ายนั้นสำคัญที่สุด ผมปฏิบัติธรรมตั้งแต่ 10 ขวบและเวลาไปต่างประเทศก็จะไปศึกษาจากประเทศอื่น ๆ ด้วย ชีวิตข้างหน้าเราเลือกได้ และผู้นำมีส่วนที่จะเลือกให้คนอื่นว่าจะให้สังคมนั้นเดินไปทางไหน ในศรีลังกา ผู้ปกครองเลือกให้มีพุทธศาสนาในธรรมนูญ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันหยุด และสุดท้ายมีโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และตามถนนในประเทศก็มีพระพุทธรูปตั้งไว้โดยทั่วไปทำให้ประชาชนเห็นและกราบไว้บูชา ศรีลังกานั้นเป็นทะเลสีขาวเนื่องจากวันอาทิตย์คนจะใส่ชุดขาวกันทั้งเกาะ

ชีวิตได้อะไร เป็นคำถามที่ต้องถามตัวเองบ่อย ๆ ว่าชีวิตท่านได้อะไร อยากให้ท่านคิดดูว่าทรัพย์สมบัติที่ท่านหามาได้จนเป็นปึกแผ่นมั่นคงนั้น แท้จริงไม่ใช่ของท่านเลย เป็นแค่ของชั่วคราว แต่กลับจะตกอยู่กับคนข้างหลัง เนื่องจากวันหนึ่งเราจะต้องตาย ดังนั้น บทเรียนชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เป็นโลกทัศน์ที่จะใช้ประโยชน์และก้าวเดินต่อไป ประสบการณ์ของท่านนั้นมีค่ากว่าทรัพย์สินที่ท่านได้มา และทุกอย่างท่านต้องการสติที่จะมาจากการปฏิบัติวิปัสสนา การนั่งสมาธิหลับตาอย่างเดียวนั้นอันตรายเพราะว่าเมื่อเราหลับตานั้นเราออกจากความเป็นจริงและคิดถึงอดีตและอนาคต สติจึงเกิดไม่ได้ ดังนั้น จึงควรเดินจงกรมด้วยเพื่อกำหนดอริยบทให้อยู่กับปัจจุบัน ทำให้มากสติก็จะได้เข้มแข็งและไว การนั่งสมาธินั้นหากแนบนิ่ง ตกภวังค์แล้ว ให้ถอยมาเพื่อให้สติเกิดและสามารถพิจารณาได้ ดังนั้น การกำหนดอริยาบถจึงสำคัญมากกว่าการนั่งหลับตา สติมีความสำคัญมากต่อผู้บริหารในการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก ต้องมีเมตตา เป็นผู้ให้ เปรียบเทียบการปฏิบัติธรรม สมถะคือการกำมือให้เป็นเป้า เช่น กำเพชร แต่การวิปัสสนาคือการคลาย ซึ่งคนจะเสียดาย แต่จำเป็นที่จะต้องฝึก ซึ่งก็คือฝึกการให้ ดังนั้น สิ่งที่มีคุณค่าที่แท้จริงคือร่างกายและจิตใจของเรานั่นเอง

ท่าน ได้เอาชีวิตผจญภัยของท่านผนวกกับการอยู่ค่ายลูกเสือ ซึ่งเป็นการเจียระไนจิตให้ทำงานด้วยกัน นำการเรียนรู้มาปฏิบัติจริง ท่านได้กล่าวไว้ในวาระสุดท้ายว่าการมีความสุขไม่ได้มาจากการมีฐานะร่ำรวยหรือประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือการสนองกิเลสของตนเอง บันไดขั้นหนึ่งที่จะเข้าใกล้ความสุขคือการทำให้มีสุขภาพดีในวัยเด็กเพื่อที่จะมีชีวิตที่แข็งแรงสมบูรณ์ในวัยผู้ใหญ่ได้ แม้เราจะเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่เราก็สามารถที่จะทำให้ชีวิตแข็งแรงได้โดยการเรียนรู้ธรรมชาติ พอใจกับสิ่งที่ตนมี และทำมันให้ดีที่สุด มองโลกในแง่ดีแทนที่จะมองในแง่ลบ หนทางที่จะสร้างความสุขอย่างแท้จริงคือการมอบความสุขนี้ให้กับผู้อื่น ซึ่งเป็นหลักธรรมะของพุทธศาสนา สำหรับประเทศไทย เราเป็นลูกเสือของกษัตริย์ แต่เสียดายที่เป็นวิชาหนึ่งที่เรียนแล้วก็หายกันไป ผมอยากจะฝากผู้บริหารให้กลับไปดูว่าวิชาลูกเสือที่มีอยู่ได้รับการเจียระไนให้เข้าถึงจิตและวิญญาณหรือไม่ สิ่งสำคัญมากเนื่องจากอาจจะเป็นทางออกของสังคมได้ ผมเคยไปสัมมนาเรื่องสันติภาพที่ มจร. สถาบันพระปกเกล้าฯ เพื่อหาวิธีการเกิดสันติภาพ ซึ่งผมพบว่าลูกเสือนั้นเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะทำให้เกิดสันติภาพในหมู่ประชาชน ผมจะทำวิจัยว่ากิจการลูกเสือจะสามารถเป็นทางออกให้สังคมได้หรือไม่ แต่ทำไมจิตวิญญาณของลูกเสือถึงหายไป หากเปรียบลูกเสือเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูกไปอยู่ค่ายด้วยกัน มีการระดมสมองและแบ่งงานกันทำโดยธรรมชาติของลูกเสือ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าของสังคมเพราะต้องมีการปรึกษาหารือกัน ต้องวางแผน เหมือนกับโจทย์ในสังคมจริง

ขอเรียนฝากไว้อีกประเด็นหนึ่งเรื่องการค้นพบว่าสมองมีกลไกชื่อ นิวรอน ซึ่งเป็นเซลล์ประสาทที่เป็นประจุไฟฟ้า หากคิดลบก็จะส่งต่อไปให้เซลล์สมองอื่นและเกาะกลุ่มกันเป็นเครือข่าย ซึ่งทำงานเช่นเดียวกับการคิดบวก แต่การคิดบวกจะทำให้ตัวลบลดน้อยลงไป ดังนั้น สิ่งที่เราเป็นทุกวันนี้เพราะเราไม่เข้าใจนิวรอน เช่น ตื่นขึ้นมาก็คิดลบแล้วว่าไม่อยากตื่น เราจึงควรเปลี่ยนให้เป็นการคิดบวกเพื่อที่จะได้ส่งต่อไป พฤติกรรมมนุษย์ที่เป็นปัญหาในสังคมทุกวันนี้นั้นเกิดขึ้นเนื่องจากไม่เข้าใจกลไกนี้และปล่อยให้เป็นลบมาก หากเรารู้และคงความเป็นบวกอยู่ ชีวิตเรานั้นจะแคล้วคลาดไปเอง มันจะหาทางที่ถูกของมันที่เราเรียกว่าปาฏิหารย์หรือโชคดีนั่นเอง เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่อาศัยประสบการณ์ ผมอยากที่จะฝากกิจการลูกเสือไว้และอยากให้พยายามเจียระไนลูกเสือเหล่านี้ให้เป็นอัญมณีของลูกเสือไทยและลูกเสือโลกให้ได้ต่อไป

* ถอดความจากการบรรยายพิเศษในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการเยาวชนคนดี รู้คุณแผ่นดิน ปี 2557 
  วันที่ 26 กันยายน 2557 ที่ โรงแรมนารายณ์

ต่อยอดความรู้ สู่การปฏิบัติ

คำกล่าวเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการต้นกล้าความดี ตามวิถีพอเพียง

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0 4.0 เป็นคำที่สะท้อนของวิวัฒนาการ จากยุคที่เราเคยล่าสัตว์ ทำการเกษตร บัดนี้ก็มาถึงยุคที่เราจะต้องสร้างและขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรม

ผู้บริหารกับการบ่มเพาะเยาวชนให้เป็นต้นกล้าความดี ในวิถีพอเพียง

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0 4.0 เป็นคำที่สะท้อนของวิวัฒนาการ จากยุคที่เราเคยล่าสัตว์ ทำการเกษตร บัดนี้ก็มาถึงยุคที่เราจะต้องสร้างและขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรม

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0

พลังความรู้นำเยาวชนสู่ยุค 4.0 4.0 เป็นคำที่สะท้อนของวิวัฒนาการ จากยุคที่เราเคยล่าสัตว์ ทำการเกษตร บัดนี้ก็มาถึงยุคที่เราจะต้องสร้างและขับเคลื่อนสังคมด้วยนวัตกรรม

keyboard_arrow_up