อุโมงค์กู๋จี เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง อุโมงค์กู่จีเป็นเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินที่เชื่อมต่อกันของหมู่บ้านในเขตกู๋จีมีความยาวถึง 250 กิโลเมตร เริ่มขุดตั้งแต่ปี 1948 เป็นอุโมงค์แคบ ๆ มีความลึก 3 ระดับ ตั้งแต่ 3 เมตร ไปจนถึง 10 เมตร อุโมงค์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย หลบภัย และเพื่อจู่โจมศัตรู ในช่วงสงครามกับสหรัฐอเมริกา
เด็กหญิงพิมพ์ชนก บุญเชิด
โรงเรียนวัดลำนาว จังหวัดนครศรีธรรมราช
พระราชวังโบราณ หรือนครจักรพรรดิ มีชื่อเรียกเป็นภาษาเวียดนามว่า พระราชวังด่ายโหน่ย สร้างขึ้นเมื่อปี 1802-1945 ซึ่งมีพื้นที่ถึง 52 เฮกเตอร์ ชั้นแรกเป็นกำแพงชั้นนอก ชั้นที่สองสามารถเดินผ่านทะลุไปยังห้องโถงได้ ส่วนกำแพงชั้นที่สามเป็นกำแพงต้องห้าม ห้ามคนนอกเข้าเพราะเป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิ มเหสี พระธิดา พระโอรส นางสนม รวมไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์ ปัจจุบันสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ของพระราชวังเหลือแค่ 30% จากทั้งหมด เพราะโดนทำลาย โดนผลกระทบจากสงคราม เช่น การทิ้งระเบิดของสหรัฐอเมริกา ทำให้ตัวพระราชวัง กำแพง และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ได้รับความเสียหาย
เด็กชายมนตรี พรมจันทร์
โรงเรียนสหกรณ์พัฒนา จังหวัดชุมพร
สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ สุสานแห่งนี้คือสุสานของจักรพรรดิองค์ที่ 12 ของราชวงศ์เหวียงขึ้นครองราชย์เมื่อปี 1976 ตอนอายุ 31 ปี สุสานแห่งนี้ใช้เวลาสร้าง 11 ปี ตั้งแต่ปี 1920 ซึ่งพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อปี 1925 ก่อนที่สุสานแห่งนี้จะสร้างเสร็จ ทำให้จักรพรรดิองค์ที่ 13 ดูแลต่อจากพระองค์ สุสานแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานกันระหว่างตะวันออกคือจีนและตะวันตกคือฝรั่งเศส จุดเด่นของสุสานแห่งนี้คือภาพวาดมังกรในเมฆซึ่งมีความงดงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง
เด็กหญิงภัทรนันท์ พฤกษหิรัญ
โรงเรียนสหกรณ์พัฒนา จังหวัดชุมพร
วัดหลินอึ๋ง หรือวัดเจ้าแม่กวนอิม ตั้งอยู่บนภูเขาเซิงจาง ซึ่งภายในวัดจะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสร้างมาจากปูนและหินอ่อนมีความสูง 67 เมตร 17 ชั้น และใช้เวลาในการสร้างนานถึง 6 ปี ตั้งแต่ปี 2004 – 2010 ซึ่งวัดแห่งนี้มีเรื่องเล่าว่า สมัยก่อนเกิดพายุที่เมืองดานังบ่อยมาก แต่หลังจากวัดนี้ได้สร้างรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่หันหน้าออกสู่ทะเลเสร็จแล้วนั้น ก็ไม่มีพายุเข้ามาในนครดานังอีกเลย
เด็กหญิงสุทธิกานต์ วรพันธ์
โรงเรียนอนุบาลมะนัง จังหวัดสตูล
วัดเทียนมู่ สร้างเมื่อปี 1803 มีอายุมากกว่า 200 ปี และถือเป็นวัดที่มีอายุมากที่สุดในเวียดนามกลาง ภายในวัดมีเจดีย์ทรงเก๋งแปดเหลี่ยม มี 7 ชั้น แต่ละชั้นแทนความเชื่อของภพต่าง ๆ เจดีย์แห่งนี้ยังเป็นที่ประท้วงของพุทธศาสนิกชน โดยมีพระภิกษุสงฆ์ ทิจ กวาง ดิ๊ก วัย 73 ปี เป็นผู้นำประท้วง ต่อต้านคริสต์ศาสนาจากประธานาธิบดีคนปัจจุบันในขณะนั้น โดยท่านได้เผาตนเองเพื่ออุทิศให้แก่พุทธศาสนาอย่างแท้จริง
เด็กหญิงวรัญญา ทองสิน
โรงเรียนธนาคารออมสิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ภูเขาหินอ่อน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ภูเขานองเนือก สูง 105 เมตร ซึ่งภูเขาแห่งนี้มีตำนานว่ามีมังกรมาวางไข่ไว้ และไข่นั้นเปลือกได้แตกออกเป็น 5 ชิ้น ทำให้ภูเขาหินอ่อนแห่งนี้แบ่งออกเป็น 5 ลูกเรียกว่า หงู่ฮั่นเซิงซึ่งหมายถึง ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม้ บนตัวภูเขายังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม และพระยูลาย ซึ่งทำให้ชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน ได้มากราบไว้บูชาอีกด้วย และชาวบ้านในบริเวณนี้ยังมีความชำนาญในการแกะสลักหินอ่อนออกมาได้อย่างสวยงามมาก ผู้คนจึงเรียกบริเวณแห่งนี้ว่า หมู่บ้านแกะสลัก
เด็กหญิงกัลยากร เส้งเลี่ยม
โรงเรียนบ้านปากเหมือง จังหวัดพัทลุง
ปราสาทหมีเซิน สถานที่มรดกโลกจากทาง UNESSCO ปราสาทแห่งนี้มีตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 มีทั้งหมด 71 ปราสาท แล้วก็ถูกทิ้งร้างไว้ ในศตวรรษที่ 19 ชาวฝรั่งเศสได้มาพบปราสาทแห่งนี้ซึ่งส่วนปราสาทเหลือแค่เพียง 10% เท่านั้น เนื่องจากโดนระเบิดในสมัยสงครามกับสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1980 ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้รับการบูรณะด้วยความร่วมมือจากประเทศโปแลนด์
เด็กหญิงลภัสรดา สุรเกียรติชัย
โรงเรียนอนุบาลป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง
พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมของจาม นครดานัง มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2-5 และเริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1915 ถึง ค.ศ. 1919 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่รวบรวมวัตถุโบราณของชาวจามปา โดยเฉพาะประติมากรรมที่ทำขึ้นมาจากดินเผา ซึ่งได้รวบรวมไว้ที่แห่งนี้จำนวน 250 ชิ้น มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ประติมากรรมส่วนมากจะเกี่ยวกับเทพเจ้าที่ชาวจามปานับถือ เช่น พระศิวะ พระวิษณุ พระพิฆเนศ พระแม่ปาราวตี และพระแม่อุมา เป็นต้น
เด็กหญิงเก็จมณี ถาวงศ์
โรงเรียนบ้านม่าหนิก จังหวัดภูเก็ต
พิพิธภัณฑ์ดานัง สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1989 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นการจัดแสดงวิถีชีวิตของชาวเวียดนาม ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ชั้นที่ 2 เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างเวียดนาม-ฝรั่งเศส และเวียดนาม-สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความรุนแรง และโหดร้ายเป็นอย่างมาก และชั้นที่ 3 เป็นการเล่าถึงวัฒนธรรมของนครดานัง หรือจังหวัดใกล้เคียง หนูได้เห็นถึงสิ่งของ เครื่องแต่งกาย รวมไปถึงอุปกรณ์การรบในสมัยอดีตกาล
เด็กหญิงปรวีร์ สุขราษฎร์
โรงเรียนบ้านม่าหนิก จังหวัดภูเก็ต
เมืองโบราณฮอยอัน มีอายุกว่า 300 ปี เป็นเมืองขนาดเล็กที่ได้รับเป็นเมืองมรดกโลกจาก UNESCO ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นตัวอย่างของอดีตเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสมัยศตวรรษที่ 15-19 เพราะเมืองนี้เคยมีการค้าขายกับนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย เมืองแห่งนี้มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและต่างชาติไว้อย่างมีเอกลักษณ์ อาคารต่างๆ ภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้เป็นอย่างดี
เด็กหญิงโซเฟีย บือซา
โรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
ที่ทำการไปรษณีย์กลางไซง่อน เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแบบตะวันตก สร้างโดยชาวฝรั่งเศสช่วงปี 1886 – 1891 ซึ่งปัจจุบันไปรษณีย์แห่งนี้ก็ยังเปิดทำการเป็นปกติ ทำให้สถานที่แห่งนี้จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติต้องเข้ามาเยี่ยมชมเมื่อมาเยือนนครโฮจิมินห์
เด็กหญิงอาทิตยา ทะคะลิง
โรงเรียนบ้านป่าพน จังหวัดสตูล
โบสถ์นอร์ทเธอดาม มีความโอ่โถง สวยงามและเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกที่มีหอคอยคู่สี่เหลี่ยมสูงถึง 40 เมตร โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโฮจิมินห์ ใช้ระยะเวลาในการสร้าง 6 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1163 – 1365 ปัจจุบันมีอายุราว ๆ 140 จะเปิดให้ชาวคริสต์เข้ามาทำพิธีกรรมในวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น โบสถ์แห่งนี้สร้างโดยชาวฝรั่งเศส เพื่อเตือนใจชาวเวียดนามว่า ครั้งหนึ่งประเทศเวียดนามเคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ซึ่งชาวฝรั่งเศสได้นำศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมาเผยแพร่ให้กับชาวเวียดนาม
เด็กหญิงเพ็ญพิชา ตะกรุดโทน
โรงเรียนบ้านทองมงคล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หมู่บ้านผ้าไหมเมืองฮอยอัน มีการเลี้ยงหนอนไหม ซึ่งหนอนไหมจะทานใบหม่อนแล้วคายออกมาเป็นใยหุ้มตัวเอง จากนั้นก็นำไปต้มที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส แล้วก็นำหนอนไหมมายืดเป็นเส้นออก ซึ่งมีความยาวถึง 1,000 เมตร เส้นไหมที่ถูกยืดออกจะมี 2 สีด้วยกันคือ สีขาวและสีเหลือง ซึ่งเราสามารถนำมาย้อมให้เป็นสีต่าง ๆ ที่เราต้องการ แล้วนำมาถักทอเป็นผ้าไหมหรือปักให้เป็นรูปภาพต่าง ๆ ได้
เด็กหญิงเบญญานุช กาญจน์มณี
โรงเรียนวัดหูแร่ จังหวัดสงขลา
เฝอ อาหารพื้นเมืองของประเทศเวียดนาม มีลักษณะคล้ายกับก๋วยเตี๋ยวที่เมืองไทย แต่จะมีขนาดเส้นที่ใหญ่กว่า และรสชาติจะไม่จัดเท่ากับก๋วยเตี๋ยวที่เมืองไทย น้ำซุปของเฝอจะออกรสเค็มหน่อยๆ และมีเครื่องเทศเล็กน้อย เช่น อบเชย ดอกจัน กานพลู ผักชีฝรั่ง และต้นหอม
เด็กหญิงพัชรี ชำนาญ
โรงเรียนวัดจอมไตร จังหวัดตรัง
บั๊นแส่ว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ขนมเบื้องญวน ข้างนอกทำมาจากแป้งขนมเบื้องกรอบ ๆ ข้างในมีข้าวเจ้า ผงขมิ้น หมูสับ กุ้ง ถั่วงอก และสมุนไพรต่าง ๆ จุดเด่นคืออยู่ที่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อทานกับน้ำจิ้มแล้วนั้นมีความอร่อยกลมกล่อม นอกจากนี้ปอเปี๊ยะสดที่เวียดนามซึ่งมีความแตกต่างจากไทย ที่ตรงเนื้อแป้งที่ห่อ ซึ่งที่เวียดนามแป้งจะหนากว่า เวลาทานเราไม่จำเป็นต้องนำไปแช่น้ำก่อน เราสามารถนำมาห่อได้เลย เพราะพอราดน้ำจิ้มลงไป แป้งก็จะนุ่มเอง ซึ่งอร่อยมาก
เด็กหญิงมนัสนันท์ สามสี
โรงเรียนหนองไทร จังหวัดตรัง